ชาดก 500 ชาติ
กาฬยมุฏฐิชาดก-ชาดกว่าด้วยโลภมาก
พระเจ้ากรุงโกศลในสมัยพุทธกาลเมื่อครั้งที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทับอยู่ ณ พระเชตะวันมหาวิหาร ทรงปรารภพระเจ้ากรุงโกศลแล้วจึงตรัสพระธรรมเทศนาดังนี้ครั้งนั้นในช่วงฤดูฝนได้เกิดการการกบฏขึ้นทางชายแดนของแคว้นโกศล พวกทหารที่รักษาชายแดนทำการสู้รบปราบกบฏอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะได้จึงส่งข่าวให้พระเจ้าโกศลทรงทราบชายแดนแคว้นโกศลได้มีการรวมกลุ่มของพวกกบฏ“กบฏพวกนี้ เชี่ยวชาญการรบ ต่อต้านกองกำลังของพวกเราได้หลายครา ข้าว่า เราถอยทัพก่อนดีกว่า” “หนอย เจ้าพวกกบฏ เดี๋ยวกำลังเสริมจากเมืองหลวงมาถึงพวกเจ้าต้องกลัวจนหัวหดแน่ๆ” “พวกมันหนีไปแล้ว พวกเราชนะอีกแล้ว” “บ้านข้าเรียกว่าอ่อน สู้ไม่ได้แล้วก็หนี ฮ่าๆๆๆ”พวกทหารได้สู้รบกับพวกก่อการกบฏพระเจ้าโกศลทรงได้รับรายงานเรื่องการก่อกบฏแล้ว ทรงมีรับสั่งให้ทหารจัดทัพเพื่อปราบกบฏ โดยทรงนำทัพด้วยพระองค์เอง “พวกเจ้าจงจัดทัพใหญ่เพื่อปราบกบฏข้าจะเป็นคนนำทัพนี้เอง ฮึ เจ้าพวกแมงเม่า คราวนี้ล่ะ ข้าจะขยี้พวกเจ้าให้แหลกเละไปเลย”พระเจ้าโกศลได้รับรายงานการก่อกบฏจากชายแดนแคว้นโกสลพระราชาทรงนำทัพหลวงเสด็จออกจากพระราชวังในฤดูฝน ซึ่งเป็นเวลาที่ไม่เหมาะสมแก่การทำศึก จึงให้ทหารตั้งค่ายใกล้พระวิหารเชตวัน จากนั้นจึงทรงเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา “ฝนตกหนักแบบนี้ ไม่เหมาะแก่การทำศึกเลยพระเจ้าข้า ทางข้างหน้าก็ล้วนเต็มไปด้วยซอกเขาและลำธาร”พระเจ้าโกศลทรงนำทัพออกปราบกบฏด้วยพระองค์เอง“ถ้าเช่นนั้น พวกเจ้าจงตั้งค่ายที่นี้ก่อนก็แล้วกัน ข้าจะได้ไปเข้าเฝ้าพระศาสดา” การเข้าเฝ้าพระศาสดาในครั้งนี้ พระเจ้าโกศลทรงคิดว่า หากพระพุทธองค์ทรงทราบว่าการเดินทางไปปราบกบฏในครั้งนี้ จะทำให้เกิดอันตราย ก็จะทรงห้ามพระองค์ไว้ “หากการทำศึกในครั้งนี้ มีอันตรายถึงชีวิต พระศาสดาคงไม่นิ่งเฉยเป็นแน่”พระเจ้าโกศลรับสั่งให้จัดตั้งค่ายพักใกล้พระวิหารเชตวันเมื่อพระเจ้าโกศลมายังพระวิหารเชตวันแล้ว สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงตรัสถามพระเจ้าโกศล “มหาบพิตร ท่านเสด็จมาจากไหน” “หม่อมฉันนำทัพจากเมืองหลวง หวังจะไปปราบกบฏชายแดน เมื่อผ่านมาทางนี้ จึงมาถวายบังคมพระองค์ก่อนไป พระเจ้าค่ะ”พระเจ้าโกศลเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา ณ พระวิหารเชตวัน“มหาบพิตร แม้แต่ก่อนพระราชาทั้งหลาย เมื่อจะยกทัพไป ครั้นได้ฟังคำของบัณฑิตแล้ว ก็ไม่เสด็จไปสู่กองทัพในเวลาอันไม่สมควร” “เรื่องราวในครั้งนั้นเป็นเช่นไรกัน ทรงเล่าให้หม่อมฉันฟังด้วยเถิดพระเจ้าค่ะ”พระเจ้าพรหมทัต แห่งกรุงพาราณสีครั้นพระเจ้าโกศลทูลอาราธนาแล้ว พระศาสดาจึงทรงนำเรื่องในอดีตมาตรัสเล่าดังนี้ ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์เป็นอำมาตย์ผู้สอนธรรมของพระราชา ครั้งนั้นทางชายแดนของแคว้นที่พระองค์ปกครองเกิดการกบฏมีการก่อกบฏในชายแดนของกรุงพาราณสีทหารที่ชายแดนไม่อาจปราบกบฏเหล่านั้นได้ จึงส่งสารให้ทรงทราบ “สารจากชายแดนส่งมาว่า เกิดการกบฏ ไม่สามารถรักษาเมืองไว้ได้ จึงขอให้พระองค์ส่งทัพไปช่วยด่วน พระเจ้าข้า” “ถ้าเช่นนั้น พวกเจ้าจงรีบไปจัดทัพ เราจะยกกองทัพไปปราบกบฏด้วยตัวเอง”ทหารได้กราบทูลรายงานเรื่องการก่อกบฏแก่พระเจ้าพรหมทัตพระราชานำทัพออกในฤดูฝน ตั้งพักค่าย ณ พระอุทยาน ฝ่ายพระโพธิสัตว์ครั้นเห็นว่าเป็นเวลาไม่เหมาะสมแก่การทำศึก จะเข้าเฝ้าเพื่อคัดค้าน แต่ก็ยังหาโอกาสไม่ได้ “พระราชาทรงอยู่ ถูกความโกรธครอบงำ จะทำศึกในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้ ต้องเกิดอันตรายเป็นแน่ เราจะต้องเตือนสติพระองค์ให้ได้”พระเจ้าพรหมทัตทรงนำทัพออกปราบกบฏด้วยพระองค์เองในระหว่างที่ทัพหลวงตั้งค่ายอยู่นั้น พวกทหารได้นำถั่วดำ ซึ่งเป็นอาหารของม้าศึก มาใส่ไว้ในรางอาหารม้า “ม้าพวกนี้ ได้กินอาหารดีๆ ไม่เหมือนม้าของข้าได้กินแต่หญ้ากับฟางเท่านั้น”![]()
อำมาตย์ผู้สอนธรรมของพระราชาได้มองเห็นถึงความไม่เหมาะสมของกาลเวลาที่จะออกปราบกบฏณ ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ กับค่ายทหารนั้น มีลิงน้อยหิวโซตัวหนึ่ง จ้องมองถั่วดำที่ทหารเหล่านั้นนำมาให้ม้า ครั้นเมื่อสบโอกาสมันจึงรีบโหนตัวลงมาจากต้นไม้แล้วตรงมาเข้าไปชวยเอาถั่วดำนางนั้นใส่ไว้ในปากจนเต็มทหารนำถั่วดำมาเทใส่รางให้กับม้าศึก“เจี๊ยกๆๆ ถั่วดำๆ พี่ม้ากับข้า ท่านก็เป็นสัตว์เหมือนกัน เราต้องรู้จักแบ่งปันกันนะ” “ฮี้ๆๆ ลิงขโมยถั่วดำๆ” เจ้าลิงน้อยจอมตะกระ เอาถั่วดำใส่ปากจนเต็มแล้วยังไม่พอแล้วยังคว้าติดมือไปอีกหนึ่งกำมือเจ้าลิงน้อยแอบมาขโมยถั่วดำของม้าไปกินด้วยความหิวจากนั้นมันก็ใช้มือข้างที่เหลือ ปีนกลับขึ้นไปยังต้นไม้อย่างรวดเร็ว “เฮ้ย ลาบปากแท้ๆ เราจะกินถั่วดำให้อิ่ม ให้พุงปลิ้นไปเลย” ขณะที่เจ้าลิงน้อยนั้นจะลงมือกินถั่วดำที่ขโมยมา ถั่วในมือของมันเม็ดหนึ่งก็หลุดร่วงลงมาที่โคนต้นไม้เจ้าลิงน้อยทำถั่วดำที่อยู่ในมือร่วงลงจากต้นไม้ 1 เม็ด“เจี๊ยกๆๆๆ ถั่วดำของข้าร่วงไปแล้วหนึ่งเม็ดไม่ได้ไม่ได้ ให้หล่นแม้สักเม็ดก็ไม่ได้ ต้องลงไปเก็บ” ด้วยความเสียดายถั่วดำเพียงเม็ดเดียว เจ้าลิงโง่ตัวนั้นได้ทิ้งถั่วดำที่อยู่ในปากในมือทั้งหมด แล้วลงจากต้นไม้เพื่อหาถั่วดำเม็ดนั้น
เจ้าลิงน้อยปีนลงจากต้นไม้เพื่อหาถั่วดำที่มันทำตก
ครั้นหาไม่เจอ มันก็กลับขึ้นไปบนต้นไม้ นั่งซึมเศร้าเสียใจอยู่บนกิ่งไม้นั้น “เจี๊ยกๆๆ ถั่วดำของข้าๆ หายไปไหนเนี่ย เสียดายจริงๆ”พระราชาทอดพระเนตรเห็นลิงน้อยนั่งหน้าเศร้า หมดอาลัยตายอยากอยู่บนต้นไม้ ก็เกิดความสงสัย จึงตรัสถามพระโพธิสัตว์พระเจ้าพรหมทัตมองดูเจ้าลิงน้อยนั่งซึมเศร้าด้วยความสงสัย“ท่านอาจารย์ดูสิ ลิงนั้นมันเป็นอะไรของมันกัน” “ขอเดชะ ลิงโง่ตัวนี้หากินตามกิ่งไม้ ปัญญาของมันไม่มี สาดถั่วดำทั้งหมดทิ้ง เพื่อถั่วดำเม็ดเดียว เปรียบผู้โง่เขลาไร้ปัญญา ไม่มองเห็นประโยชน์ส่วนมาก มองเห็นแต่ประโยชน์ส่วนน้อย จึงเป็นเช่นนี้ พระเจ้าค่ะ”พระเจ้าพรหมทัตทรงเห็นด้วยกับคำแนะนำของอำมาตย์เรื่องการไม่ไปปราบพวกกบฏ“ที่ท่านอาจารย์พูดมา มีความหมายว่าอย่างไรกันรึ ขอเดชะพวกเราก็ดี ชนเหล่าอื่นก็ดีที่มีความโลภจัด จะเสื่อมจากประโยชน์ส่วนมาก เพราะประโยชน์ส่วนน้อยเหมือนลิงเสื่อมจากถั่วทั้งหมด เพราะถั่วเมล็ดเดียวแท้ๆ”พระเจ้าพรหมทัตทรงยกทัพกลับเมืองพระราชาสดับคำสอนนั้นแล้ว ก็กลับได้สติ จึงรับสั่งให้ให้เลิกขบวนทัพ เสด็จกลับเข้าเมืองพาราณสีไป “ที่ท่านพูดมา ข้าเข้าใจแล้ว ขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ได้เตือนสติข้า”พวกกบฏพากันหนีเอาตัวรอดเพราะคิดว่าพระเจ้าพรหมทัตทรงนำทัพมาปราบพวกตน“ขอเดชะ พระองค์ทรงเป็นผู้มีปัญญา การยกทัพไปปราบกบฏในเวลานี้ จะมีผลเสียมากกว่าผลดี โปรดทบทวนด้วยเถิดพระเจ้าค่ะ” “ข้าไม่ไปปราบกบฏแล้วล่ะ
ทหารทั้งหลายพวกเจ้าจะไม่นำทัพไปทำศึกอีกแล้ว จงยกทัพกลับไปเดี๋ยวนี้”
พระเจ้าโกศลได้กราบทูลลาพระบรมศาสดาฝ่ายพวกกบฏไม่ได้รู้ว่าพระราชาทรงยกทัพกลับแล้ว กลับเข้าใจว่าพระราชาเสด็จออกจากเมืองมาปราบพวกตน จึงพากันหลบหนีกันไปด้วยความกลัว
“ทัพใหญ่กำลังมา พวกเราหนีกันเถิด” “พระราชาทรงยกทัพมาเอง ต้องมีทหารมากมายแน่ๆ พวกเราคงสู้ไม่ไหว ข้าเผ่นก่อนดีกว่าเว้ย”พระเจ้าโกศลทรงนำทัพกลับเมืองของตนพระราชากรุงโกศล สดับพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้ว ก็ถวายบังคมลา แล้วยกทัพกลับกรุงสาวัตถีทันที แม้ในกาลปัจจุบันพวกกบฏได้ยินข่าวว่า พระราชา
กรุงโกศลยกทัพมาปราบปราม ก็พากันหนีไปเช่นกัน พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกดังนี้พระราชาในครั้งนั้น ได้เป็น อานนท์ ในครั้งนี้ส่วนอำมาตย์บัณฑิต คือ เราตถาคต นี้แล
![](https://www.dmc.tv/qrcode/cache/qr-code-200-21356.png)