ชาดก 500 ชาติ
มหธัมมปาลชาดก-ชาดกว่าด้วยตระกูลที่ไม่ตายวัยหนุ่ม
นิโครธาราม กรุงกบิลพัสดุ์เมื่อครั้งพุทธกาลสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ นิโครธารามกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงปรารภถึงความไม่ทรงเชื่อของพระพุทธบิดาในพระราชนิเวศน์ไว้ดังนี้ครั้งนั้นพระเจ้าสุทโธทนะมหาราชพระพุทธบิดาได้ถวายข้าวยาคูและของเคี้ยวแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยภิกษุบริวารสองหมื่นรูปในพระราชนิเวศน์ของพระองค์พระเจ้าสุทโธทนะถวายข้าวยาคูแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าถวายภัตตาหารเสร็จจึงได้เล่าให้พระพุทธองค์ฟังว่า “ เมื่อตอนที่พระองค์ทำความเพียรอยู่ มีหมู่เทวดามายืนอยู่ในอากาศ บอกแก่หม่อมฉันว่า พระองค์
สิ้นพระชนม์เสียแล้ว เพราะเสวยพระกระยาหารน้อยเกินไป ” “ มหาบพิตร พระองค์ทรงเชื่อหรือ ”พระเจ้าสุทโธทนะทรงตรัสเล่าถึงการเห็นเทวดาลงมาหาตนต่อพระสัมามาสัมพุทธเจ้า“ หม่อมฉันไม่อยากเชื่อหรอก ยังห้ามเทวดาเสียอีกว่า พระโอรสของเรายังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าที่โคนต้นโพธิ์แล้ว จะยังไม่ปรินิพพานเป็นแน่ ” “ มหาบพิตร
ในบัดนี้พระองค์จะทรงเชื่อได้อย่างไรเทวดาบอกพระเจ้าสุทโธทนะว่าเจ้าชายสิทธัตถะทรงสิ้นพระชนม์แล้วแม้ในครั้งก่อน ครั้งหม่อมฉันเกิดเป็นมหธัมมปาลกุมาร เมื่ออาจารย์ทิศาปาโกเอากระดูกแพะมาแสดง บอกว่าบุตรของท่านตายเสียแล้ว นี่กระดูกบุตรของท่าน
พระองค์ก็มิได้ทรงเชื่อ กล่าวกับอาจารย์ว่า ในตระกูลของเรานี้จักตายตอนกำลังหนุ่มนั้นเป็นไม่มี ก็เหตุไรในบัดนี้ พระองค์จักทรงเชื่อเล่า ”พระเจ้าสุทโธทนะไม่ทรงเชื่อในข่าวที่ว่าเจ้าชายสิทธัตถะสิ้นพระชนม์แล้วเมื่อฟังดังนั้น พระเจ้าสุโทนะมหาราชจึงทูลอาราธนาพระองค์ให้ทรงตรัสเรื่องราว พระมหาสมณะโคดมจึงทรงนำเรื่องในอดีตมาสาทกดังนี้ ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัต
ครองราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี มีตระกูลพราหมณ์ตระกูลหนึ่งชื่อว่า ธัมมปาล พราหมณ์ในตระกูลนี้ล้วนรักษาธรรมกุศลกรรมบถ 10
พระนครพารณสีในการปกครองของพระเจ้าพรหมทัตแม้กระทั่งทาสคนรับใช้ก็ยังให้ทานรักษาศีลอุโบสถเป็นประจำมิได้ขาด ครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลนี้มีนามว่า ธัมมปาลกุมาร ครั้นเจริญวัยแล้ว
บิดาได้ส่งไปเรียนศิลปะ ณ เมืองตักศิลา “ จงตั้งใจเรียน นำวิชชาความรู้มาพัฒนาตระกูลของเรานะลูก ” “ ขอรับท่านพ่อ ข้าจะตั้งใจเรียน ”
ตระกูลพราหมณ์ที่รักษาอุโบศลศีลเป็นประจำมิได้อย่างขาดตลอดต่อเนื่องมายาวนานธัมมปาลกุมารได้เรียนกับอาจารย์ทิศาปาโมกด้วยความเฉลียวฉลาด อาจารย์จึงให้เป็นหัวหน้าดูแลเพื่อนมานพห้าร้อยคนที่เรียนมาด้วยกัน “ ข้าขอมอบหมาย
ให้ธัมมปาลกุมารเป็นหัวหน้าดูแลพวกเจ้าทั้งหลาย ”พระโพธิสัตว์ทรงกำเนิดในตระกูลพราหมณ์ มีชื่อว่า ธัมมปาลกุมารวันหนึ่งลูกชายคนโตของอาจารย์ได้เสียชีวิตลง อาจารย์และญาติรวมถึงลูกศิษย์คนอื่นๆ ต่างพากันร้องไห้คร่ำครวญด้วยความเสียใจ “ โธ่ ลูกพ่อ ทำไมๆ
เจ้าจากพ่อไปเร็วนัก ลูกพ่อ ” “ ท่านอาจารย์ หักห้ามใจเถิด ”ธัมมปาลกุมารเป็นผูีที่มีความเฉลียวฉลาดเป็นอย่างยิ่งขณะที่คนอื่นๆ ต่างร้องไห้คร่ำครวญอยู่นั้น มีเพียงธัมมปาลกุมารเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ร้องไห้หรือคร่ำครวญแต่อย่างใด เมื่อกลับจากป่าช้าบรรดาลูกศิษย์
ต่างพากันนั่งสนทนาถึงเรื่องการตายของลูกชายอาจารย์ “ น่าเสียดาย คนดีมีมารยาทแบบลูกชายของท่านอาจารย์จริงๆ ”โพธิกุมารเป็นเด็กที่มีความน่ารัก เฉลียวฉลาด และเป็นที่รักของทุกคน“ นั่นนะสิ ยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ เลย ” “ พวกเจ้าดูธัมมปาลกุมารสิ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยรึ ” ธัมมปาลกุมารที่นึกสงสัยถึงการตายตั้งแต่ยังหนุ่มของลูกชายอาจารย์
จึงได้ถามเพื่อนๆ ว่า “ เพื่อนเอ๋ย ที่ว่าพากท่านตายตั้งแต่ยังหนุ่มนั้น เพราะเหตุใดรึ คนหนุ่มไม่ควรตายไม่ใช่หรือ ”
พราหมณ์บิดาได้ส่งธัมมปาลกุมารมาเรียนที่สำนักอาจารย์ทิศาปาโมก“ นี่ท่านไม่รู้จักความตายหรอกรึ” “ เรารู้สิ แต่เราไม่เคยเห็นคนหนุ่มตายเลยสักครั้ง ” “ สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงจะหนุ่มหรือจะแก่ ก็ตายได้ทั้งนั้นแหละ ”
“ แต่ที่บ้านข้า มีเพียงคนแก่เท่านั้นที่ตาย ” “ ที่บ้านท่าน ไม่เคยมีคนที่ตายตั้งแต่ยังหนุ่มเลยรึ ” “ ใช่แล้ว ตระกูลข้าไม่เคยมี ”
บุตรชายคนโตของอาจารย์ทิศาปาโมกได้เสียชีวิตในขณะที่ยังเป็นหนุ่ม“ มันจะเป็นไปได้อย่างไร ธัมมปาลกุมาลมุสาแน่ๆ ” มานพทั้งหลายได้ฟังถ้อยคำของปาลกุมารแล้ว จึงพากันบอกแก่อาจารย์ “ ท่านอาจารย์ธัมมปาลกุมาร
บอกแก่พวกเราว่า ที่ตระกูลของเขาไม่มีคนหนุ่มตายเลย ” “ เป็นไปไม่ได้หรอก พวกเจ้าเข้าใจผิดไปหรือเปล่า ”ธัมมปาลกุมารสงสัยในการตายในวัยหนุ่มของบุตรชายอาจารย์“ จริงนะท่านอาจารย์ ไม่เชื่อท่านเรียกธัมมปาลกุมารมาถามดูสิ ” “ ถ้าอย่างนั้น พวกเจ้าจงไปช่วยตามธัมมปาลกุมารมาพบข้าสิ ” ด้วยความสงสัย อาจารย์ให้ศิษย์
ไปตามธัมมปาลกุมารมาเพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าว “ ที่ว่าตระกูลของเจ้า คนไม่ตายกันตั้งแต่ยังหนุ่มน่ะ เป็นเรื่องจริงรึ ”ตระกูลของธัมมปาลกุมารไม่เคยมีใครตายตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มเป็นสาว“ จริงขอรับท่านอาจารย์ ตระกูลของข้า มีเพียงคนแก่เท่านั้นที่ตาย ” “ นี่มันเป็นเรื่องจริงรึ ดีล่ะ ข้าต้องไปถามบิดาของธัมมปาลกุมารดูแล้วล่ะ ถ้าเป็นจริง
เราจะบำเพ็ญธรรมเช่นนั้นบ้าง ”
บรรดาศิษย์ได้นำเรื่องการตายของตระกูลธัมมปาลกุมารมาเล่าให้อาจารย์ฟังครั้นทำพิธีศพลูกชายเสร็จ อาจารย์จึงได้มอบหมายให้ธัมมปาลกุมารดูแลสำนักและสั่งสอนลูกศิษย์แทนตนก่อนออกเดินทางไปพบกับบิดาของธัมมปาลกุมาร
“ ข้าจะออกไปทำธุระต่างเมืองสักระยะ เจ้าจงดูแลสำนักแทนข้าด้วยน่ะ ”อาจารย์ได้เรียกธัมมปาลกุมารมาสอบถามเรื่องการตายของคนในตระกูลของเขา“ ขอรับ ท่านอาจารย์ ” จากนั้นอาจารย์ได้สั่งให้ลูกศิษย์เก็บกระดูกแพะตัวหนึ่งมาล้างเอาใส่กระสอบ ให้คนรับใช้ถือตามไปยังบ้านของธัมมปาลกุมาร
“ ท่านพ่อค้า ท่านรู้จักบ้านตระกูลธัมมปาลบ้างหรือไม่ ”อาจารย์ได้มอบหมายให้ธัมมปาลกุมารดูแลสำนักแทนตน“ แน่นอน ตระกูลนี้เป็นที่รู้จักกันว่า รักษากรรมกุศลกรรมบถ 10 ใครๆ ก็รู้จัก ” “ ดีล่ะ ถ้าอย่างนั้น ท่านช่วยบอกทางให้ข้าหน่อยแล้วกัน ”เมื่อเดินทางมาถึงบ้านของธัมมปาลกุมาร อาจารย์จึงบอกให้บ่าวไพร่แจ้งแก่บิดาพราหมณ์ของธัมมปาลกุมาลถึงการมาของตนอาจารย์ทิศาปาโมกได้เดินทางไปยังบ้านของธัมมปาลกุมาร“ พวกท่านจงไปบอกบิดาของธัมมปาลกุมารว่าอาจารย์ของบุตรท่านมาขอพบ ” พราหมณ์บิดาของธัมมปาลกุมารได้เชื้อเชิญอาจารย์ทิศาปาโมกเข้ามาในบ้าน
และให้บริวารนำอาหารและเครื่องดื่มมาต้อนรับ
อาจารย์ทิศาปาโมกได้แจ้งบ่าวไพร่ถึงการมาพบพราหมณ์บิดาของธัมมปาลกุมาร“ ท่านคงเดินทางมาเหนื่อยๆ เชิญกิน ดื่มกันตามสบายนะ ” “ ขอบใจท่านมาก ” เมื่ออาจารย์บริโภคอาหารแล้ว ทั้งสองจึงได้เริ่มสนทนากัน “ ท่านอาจารย์ ธัมมปาลกุมาร
อาจารย์ทิศาปาโมกได้รับประทานอาหารก่อนที่จะมีการพูดคุยกับพราหมณ์บิดาของธัมมปาลกุมารพราหมณ์พอฟังจบ ก็ตบมือหัวเราะดังลั่น “ ท่านพราหมณ์ ท่านหัวเราะทำไม ” “ ฮ่าๆๆ บุตรของข้ายังไม่ตาย ที่ตายหน่ะ เป็นผู้อื่น ” อาจารย์ได้เอากระดูกแพะ
ที่นำมาด้วยยื่นให้แก่พราหมณ์เพื่อยืนยันตามที่ตนกล่าวมา “ บุตรของท่านตายแล้วจริงๆ ข้าได้เอาเถ้ากระดูกของเขามาด้วย ดูสิ ” “ เฮอะๆๆ นี่คงเป็นกระดูกแพะ
หรือกระดูกสุนัข ลูกข้าหน่ะ ยังไม่ตาย ”
พราหมณ์หัวเราะชอบใจเพราะไม่เชื่อในข่าวการตายของธัมมปาลกุมาร“ เพราะอะไรท่านถึงไม่เชื่อที่ข้าบอกล่ะ ” “ เพราะในตระกูลเจ็ดชั่วโคตรของเรามาแล้ว ที่ไม่เคยมีใครตายมาตั้งแต่ยังหนุ่มเลย ท่านพูดปดแน่ๆ ” คนในตระกูลธัมมปาล
ต่างหัวเราะเฮฮา ถือเป็นเรื่องตลกไป สร้างความประหลาดใจแก่อาจารย์เป็นอย่างยิ่ง “ ที่ท่านพูดมา เป็นเรื่องจริงรึ ” “ จริงสิ ข้าและคนในตระกูลข้า ไม่เคยพูดปด ”“ เพราะเหตุใด พราหมณ์ตระกูลของท่านจึงไม่มีคนตายในวัยหนุ่มล่ะ ”อาจารย์ทิศาปาโมกนำกระดูกมายืนยันการตายของธัมมปาลกุมารพราหมณ์บิดาของธัมมปาลกุมาร ได้อธิบายถึงสาเหตุที่คนในตระกูลของตนไม่มีผู้ใดตายตั้งแต่ยังหนุ่ม “ พวกเราประพฤติธรรม ไม่พูดมุสา งดเว้นกรรมชั่ว ฟังธรรมของสัตบุรุษ
ละธรรมอสัตบุรุต ก่อนให้ทานพวกเราตั้งใจดี แม้กำลังให้ก็มีใจเบิกบาน เมื่อให้แล้วก็ไม่เดือดร้อนภายหลัง พวกเราเลี้ยงดูสมณะ คนเดินทางไกล วนิพก ยาจก คนขัดสนให้อิ่ม
พวกเราไม่นอกใจสามีภรรยา งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ผู้อื่นอาจารย์ทิศาปาโมกได้ขอขมาบิดาของธัมมปาลกุมารในเรื่องที่ตนได้โกหกไม่ดื่มของเมา บุตร มารดาบิดา พี่น้องสามีภรรยา ทาส คนรับใช้ ก็ล้วนแต่ประพฤติธรรม มุ่งประโยชน์ในโลกหน้า เพราะประพฤติธรรมอย่างนี้แหละ คนหนุ่มของพวกเรา
จึงไม่ตาย ธัมมปาลบุตรของเรามีธรรมคุ้มครอง กระดูกที่ท่านนำมานี้ เป็นกระดูกสัตว์อื่น ลูกของเรายังไม่ตายหรอก ” อาจารย์ฟังจบแล้วขอขมาพราหมณ์ แล้วกล่าวว่า
“ ท่านพราหมณ์ ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ” “ นี่เป็นกระดูกแพะ ข้านำมาเพื่อที่จะทดสอบใจท่าน ตอนนี้บุตรชายของท่านสบายดี ”เมื่อจบสัจจะพระเจ้าสุทโธทนะได้บรรลุอานาคามิผลอาจารย์ได้พักอยู่ที่นั่นต่ออีกสองสามวันจึงกลับเมืองตักศิลา ให้ธัมมปลากุมารศึกษาวิทยาจบแล้วส่งตัวกลับคืนบ้าน พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดง
แก่พระเจ้าสุทโธทนะมหาราชแล้วประกาศสัจธรรม ในเวลาจบสัจจะพระเจ้าสุทโธทนะมหาราชได้บรรลุอนาคามิผล พระทศพลทรงประชุมชาดกว่า
มารดาบิดาในครั้งนั้น ได้มาเป็น พุทธมารดาพุทธบิดาในบัดนี้อาจารย์ในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระสารีบุตรในบัดนี้บริษัทในครั้งนั้น ได้มาเป็น พุทธบริษัทในบัดนี้
มหธัมมปาลชาดก ชาดกว่าด้วยตระกูลที่ไม่ตายวัยหนุ่ม
“ มหาบพิตรในบัดนี้พระองค์จะทรงเชื่อได้อย่างไร แม้ในครั้งก่อน ครั้งหม่อมฉันเกิดเป็นมหธัมมปาลกุมาร เมื่ออาจารย์ทิศาปาโกเอากระดูกแพะมาแสดง บอกว่าบุตรของท่านตายเสียแล้ว นี่กระดูกบุตรของท่าน พระองค์ก็มิได้ทรงเชื่อ กล่าวกับอาจารย์ว่า ในตระกูลของเรานี้จักตายตอนกำลังหนุ่มนั้นเป็นไม่มี ก็เหตุไรในบัดนี้ พระองค์จักทรงเชื่อเล่า ” https://dmc.tv/a24246
บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ[ 21 พ.ย. 2561 ] - [ ผู้อ่าน : 18282 ]
บทความอื่นๆ ในหมวด
ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่งเกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ